วันศุกร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ใจไม่ร่วงดั่งปวงใบ

          @ ยามผ่านพ้นพายุตุลาคม
          คือวาระอารมณ์แห่งลมหนาว
          พฤกษ์ไพรพฤศจิกาจึงกรูกราว
          ร่วมบอกเล่าเรื่องราวความร้าวราน
          ร่วงใบแล้วใบเล่าบนลานอดีต
          เคาะสังคีตกรีดใจไปทุกย่าน
          สู่ผืนดินสิ้นพลันเรื่องวันวาน
          ซบเศร้ายังสุสานกาลเวลา
          ซบกายท่ามกลางความงันเงียบ
          เย็นเยียบผ่านเยื่อใยในพรมหญ้า
          ยินไหม? ใครปลอบขวัญจำนรรจา
          ยินไหม? ใครล่ำลาและอาลัย
          หรือมีเพียงเสียงสวดแสนรวดร้าว
          หวีดหวิวคราวลมหนาวเจ้าเคลื่อนไหว
          กายเศร้าสั่นสะท้านสะท้อนใจ
          มโหรีโหยไห้ใบบรรเลง
          บนเส้นทางร้างไร้ใครทายทัก
          เฝ้ารอผู้ผ่านพักจักลองเพ่ง
          สักนิด…สดับฟังความวังเวง
          ประสานเพลงพลัดพรากจากเหมันต์

          @ ยามผ่านพ้นพายุตุลาคม
          คือวาระอารมณ์คนเคลิ้มฝัน
          กรุ่นกลิ่นยินเสียงใจไหวถึงจันทร์
          ในค่ำคืนยืนยันอันยาวนาน
          ใต้ฟากฟ้าราตรีไร้คำตอบ
          ใจล้อมกรอบตัวตนจนเกรียมกร้าน
          ส่ายไหวเพราะสิ้นหวังจากวันวาน
          หรือเพียงลมพรมผ่านสะท้านใจ
          พัดผ่านแล้วพรมเล่าเจ้าลมหนาว
          คงถึงคราวลอยคว้างแล้วใช่ไหม
          ดวงใจท้อรอร่วงดั่งปวงใบ
          ไม่เหลือรอยอาลัยไว้อำลา

          @ แต่เพราะใจไหวสั่นในวันเศร้า
          ในลำเนาลมหนาวและหมอกหนา
          ผวาแม้แผ่วลมที่พรมมา
          โอ้..อารมณ์อ่อนล้าอย่าอ่อนแอ
          เพียงหลับตาราตรีมีคำตอบ
          เพลงใบไม้รายรอบลบรอยแผล
          ใจดวงร้าวเฝ้ารอการดูแล
          มิร่วงรายพ่ายแพ้แก่ฤดู

                                     ศราทร
                                     สยามรัฐ ชาวกรุง ๒๐๐๐, พฤศจิกายน 2543

เปิดใจ

     มืดเกินไปหรือไม่ในห้องนี้
โมงยามความหวังดีมีบ้างไหม
อยู่ในความเงียบคล้ายไม่มีใคร
หรือเพียงเสียงถอนใจที่ได้ยิน
     ฉันตีกรอบหน้าต่างวางไว้ให้
แต่งเติมความสดใสดั่งงานศิลป์
มีฟากฟ้ากว้างไกลให้โบกบิน
ปล่อยใจไปตามจินตนาการ
     เพียงหยิบมาแขวนไว้ในมุมหนึ่ง
เส้นทางแสงส่องถึงเธอถักสาน
ฟังทุกคำทักทายดั่งสายธาร
รินหวังดังกังวานทุกคืนวัน
     ภาพผ่านบานหน้าต่างสุดสายตา
เธอย่อมเห็นท้องฟ้าที่ใฝ่ฝัน
วันหนึ่งในชีวิตนิจนิรันดร์
ย่อมพบความผูกพันไม่ยากเย็น

                                             ศราทร        ไทยโพสต์, ธันวาคม 2543

ลำน้ำการจำนน

                    ผ่านมาให้ผ่านไปนะใจเจ้า
          ให้เหลือเพียงภาพเก่าเล่าความหมาย
          ข้าแค่คนผ่านทางมาทักทาย
          ในนิยายนิยามความทรงจำ

                    ล่องมาตามลำน้ำเมื่อยามเช้า
          สู่ความเหงาเงาแสงแห่งคืนค่ำ
          ลัดเลาะเสนาะเสียงเพียงพรำพรำ
          คือลำนำแห่งใจไม่เคยพอ
          เรื่อยรินยินรู้การร่วงราย
          หมู่ใบไม้หล่นใบไปไหนหนอ
          เคว้งคว้างเพื่อพบใครที่คอยรอ
          หรือลอยคอชั่วคราวก่อนร้าวราน
          ข้าล่องตามครรลองของตัวข้า
          ยอมให้วันเวลาได้พร่าผลาญ
          ค้นหาฟากฝั่งไกลในห้วงกาล
          เนิ่นนานแม้เมื่อไรในนิรันดร์
          ข้าค้นหาความรักที่ร่วงราย
          สืบสัมพันธ์สะพรั่งสายในพรายฝัน
          มีเยื่อใยมายามายืนยัน
          เพียงชั่วพริบฉับพลันกลับพร่าพราง
          เป็นเช่นนี้เรื่อยไปการรอนแรม
          ผ่านมาเพียงแต่งแต้มให้แตกต่าง
          วันนี้หรือเมื่อวานการเดินทาง
          ความเหว่ว้าจัดวางระหว่างใจ

                    เจ้าล่องไหลเรื่อยตามลำน้ำเจ้า
          คือสายคืนสู่เหย้าเคล้าหยาดใส
          เจ้าย้อนทวนหนทางอันห่างไกล
          พร้อมสิ่งดีสิ่งใหม่ในชีวิต
          ความงามเจ้ากำจายอยู่รายล้อม
          ดั่งดอกไม้ชวนดอมหอมประดิษฐ์
          ข้าเสียดายเส้นทางเราสวนทิศ
          เวลาเพียงน้อยนิดได้ชิดชม
          เจ้าค่อยเคลื่อนคล้อยกายมาใกล้ใกล้
          ข้าค่อยโล้ร่างไปใคร่สุขสม
          อ้างเหตุว่าเพราะฟ้าเพราะคลื่นลม
          แท้ร่องรอยอารมณ์กำหนดทาง
          ทีละน้อย ทีละนิด ค่อยชิดช่อง
          กระทั่งลมมิอาจล่องผ่านสองร่าง
          แต่แล้วพริบใจนั้นพลันจืดจาง
          เราต้องร้างห่างกันค่อยห่างไกล
          เจ้าจำต้องล่องตามลำน้ำเจ้า
          ข้าต้องเฝ้าหาฝั่งที่ฝันใฝ่
          เจ้ายังมีโมงยามแห่งเยื่อใย
          ข้าอ้างว้างหวั่นไหวไปวันวัน
          จึงมิอาจเอ่ยย้ำคำทัดทาน
          สิ้นแล้วกาลเวลาอันแสนสั้น
          ลับหายจากสายตากันและกัน
          จากนั้น…ล่องลำน้ำการจำนน

                    ผ่านมาให้ผ่านไปนะใจเจ้า
          ภาพเก่าเกินกลับคืนมาอีกหน
          ข้าแค่คนผ่านทางผู้ทุกข์ทน
          ขอทุรายทุรนชั่วนิรันดร์

                                      ศราทร                                      ศรีสยาม, สิงหาคม 2542

ชีวิตธรรมดา

          นิ่งเงียบในเงานิ่งสงบ
          รินร่ำคำรบจนครบรอบ
          เติบใหญ่ไต่เต้าหาคำตอบ
          ภายใต้กรงกรอบของชีวิต
          ผลิสู่ผีเสื้อเพื่อฝันใฝ่
          พลาดพลั้ง? ปลอดภัย? ใครถูกผิด
          ภาพสวย? เพลงเศร้า? ทุกเงาทิศ
          ห่างไกล? ใกล้ชิด? ใครชี้ชัด
          ใต้ใบปิดบังยังเฝ้ารอ
          บังคับ? ร้องขอ? ใครข้องขัด
          โบกลมบ่มร่างไร้ทางลัด
          ระบัดระบายแม้เหนื่อยล้า
          คลายปีกคลี่ปมให้ลมเป่า
          ผลิลายใดเล่าจึงล้ำค่า
          ค้นหาความหมายสุดสายตา
          ชีวิตธรรมดาลาลับแล้ว

                        
                              ศราทร                              13 ตุลาคม 2549
                              พิมพ์ในชื่อ "ธรรมดา" มติชนสุดสัปดาห์, มกราคม 2550